8 วิธีจัดการความเครียด

นักจิตวิทยาแนะนำ 8 วิธีช่วยให้คุณจัดการกับ “ความเครียด” แบบได้ผลชะงัดนัก!!



😁 ว่ากันด้วยเรื่องของ “ความเครียด” ที่หลายท่านต้องเคยประสบกันมาอย่างแน่นอน การดำเนินชีวิตไม่ว่าจะในช่วงวัยเรียนหรือวัยทำงานก็ตาม ก็จะมีช่วงที่สามารถทำให้เกิดความเครียดได้ทั้งนั้น เมื่อใดที่คนเราประสบปัญหาที่ส่งผลต่อชีวิต เมื่อนั้นก็มักจะมีความเครียดตามมาเสมอ แต่ทราบหรือไม่ว่าศาสตร์แห่งจิตวิทยานั้นได้ศึกษาเรื่องของความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ รวมไปถึงความเครียดด้วยเช่นกัน แน่นอนว่ามันทำให้มนุษย์เราทราบว่า ความเครียดนั้นเกิดขึ้นได้มันก็ย่อมหายไปได้หากถามว่าจะทำอย่างไรให้ความเครียดหายไป ลองไปฟังคำแนะนำดีๆ จากนักจิตวิทยาที่จะเป็นวิธีช่วยให้คุณกำจัดความเครียดออกไปได้กันเลยดีกว่าครับ


📝 วิธีที่ 1 เขียนทุกอย่างที่เข้ามาในสมองลงไปในกระดาษ
John Duffy นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นกล่าวว่า “เพื่อลดความเครียดลง ผมบันทึกสถานการณ์ ความคิด ความสัมพันธ์กับผู้คน และไอเดีย ลงไปในกระดาษเมื่อเขียนลงไปแล้วลองเชื่อมโยงมันให้เป็นโครงสร้าง วิธีนี้มีประโยชน์มากเพราะมันทำให้เราลืมปัญหาไปขณะหนึ่ง สมองเราจะโล่ง และความตึงเครียดจะลดลง หลังจากนั้นเราจะมองสิ่งต่างๆ ในอีกมุมมองหนึ่งเลย”


🥗 วิธีที่ 2 ลองทำตัวช่างเลือกเสียหน่อย เวลาซื้อของมาทำอาหาร
Jeffrey Sumber นักจิตวิทยาบำบัด ใช้วิธีนี้ลดความเครียด เขากล่าวว่า “เมื่อผมรู้สึกซึมเศร้าผมมักจะหาอาหารทาน แต่มันจะต้องเป็นอาหารเพื่อสุขภาพมากๆ แบบที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ผมใช้เวลาไปกับการเลือกซื้อวัตถุดิบ


🏃‍♀️ วิธีที่ 3 ลองกระชับกล้ามเนื้อแต่ละส่วนของคุณดู
Kevin Chapman นักจิตวิทยาบำบัดชาวอเมริกัน ได้ใช้วิธีการคลายกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นทีละส่วน (Progressive Muscle Relaxation) เพื่อลดความเครียด วิธีทำก็คือ หลังจากเกร็งกล้ามเนื้อให้สุด ก็ต้องผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้ได้มากที่สุด เช่น เกร็งกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่ง 10 วินาที จากนั้นก็ปล่อยและพยายามรู้สึกถึงความผ่อนคลายของมันให้ได้ 20 วินาที เป็นต้น หากใครสนใจลองหาท่าบริหารมาทำกันดู มีท่าบริหารกว่า 200 ท่าเลยทีเดียว สำหรับกล้ามเนื้อแต่ละส่วน


✨ วิธีที่ 4 ตอบสนองอย่างถูกต้อง หรือจะไม่ตอบสนองอะไรเลยก็ได้
นักจิตวิทยาชื่อ Susan Krauss Whitbourne ไม่ได้ใช้วิธีต่อสู้กับความเครียดโดยตรง แต่เธอกลับใช้เคล็ดลับพิเศษของเธอเสมอเมื่ออยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เธอกล่าวว่า “ฉันเปลี่ยนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้หรอก แต่ฉันเปลี่ยนการตอบสนองของฉันได้”การตอบสนองแง่บวกในสถานการณ์ที่เลวร้ายจะทำให้เราไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเครียด และทำให้ได้รัประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งเรียบรู้จากข้อผิดพลาดได้อีกด้วย


👍 วิธีที่ 5 อย่าปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อยๆ
นักจิตวิทยาชื่อว่า Martin Seligman แนะนำวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้สมองโล่ง นั่นคือการ ปรบมือและตะโกนว่า “หยุดคิดเรื่องนี้ได้แล้ว! ค่อยกลับมาคิดใหม่ทีหลัง” คุณสามารถให้สัญญาณตัวเองด้วยวิธีอื่น เช่น หยิกหรือดีดตัวเอง เมื่อคุณเริ่มคิดอะไรบางอย่างที่ไม่มีประโยชน์ใช้วิธีนี้เพื่อหยุดวงจรความคิดไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นให้เบนความสนใจไปที่กิจกรรมอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย เป็นต้น


👩‍🎤 วิธีที่ 6 ใช้เวลาไปกับงานอดิเรกและสิ่งที่คุณชื่นชอบ
นักจิตวิทยาบำบัด Amy Przeworski แนะนำว่าให้เราใช้เวลาช่วงหนึ่งในการทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เราชื่นชอบและทำให้เรามีความสุข เช่น อ่านหนังสือ วาดภาพ ทำอาหาร หรือออกกำลังกายโดยในช่วงเวลาที่ทำกิจกรรมเหล่านนั้นต้องไม่คิดถึงความรับผิดชอบในงาน ไม่มีความคิดทางลบ และไม่ควรมีความคิดใดๆ ก็ตามที่ทำให้ไม่สบายใจ


💋 วิธีที่ 7 กระตุ้นประสาทของคุณ
Toni Bernhard แนะนำถึงวิธีการที่ไม่ค่อยนิยม แต่ใช้ได้ผลดี ขั้นตอนนั้นแสนง่าย เพียงแค่ใช้นิ้วชี้ของเราปัดที่ริมฝีกปาก การกระทำเช่นนี้จะไปกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเธติกที่จะช่วยปรับสมดุลร่างกายของเราให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติมากที่สุด


📍 วิธีที่ 8 ลองใช้วิธีการธรรมดาต่างๆ สลับกันไป
วิธีการที่คนคิดว่ามันจะสามารถช่วยลดความเครียดได้นั้นก็มีมากมาย ลองใช้สลับๆ กันดู อย่างเช่น Deborah Serani นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือเรื่อง Living with Depression บอกว่า “ฉันต้องการอะไร ฉันก็จัดหามาให้ตัวเองทุกอย่าง เช่น นั่งในรถเฉยๆ พร้อมเปิดเพลงแจ๊สฟัง วาดภาพ ผ่อนคลายในอ่างน้ำร้อน หรือจะดื่มชาก็ตามแต่”
นักบำบัด Joyce Marter ก็แนะนำว่า เพื่อทำให้ความคิดปลอดโปร่ง คุณต้องทำสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น จัดโต๊ะทำงาน ล้างจาน และอื่นๆ โดยจุดประสงค์หลักก็คือการทำให้คุณเบนความสนใจไปที่กิจกรรม ไม่ใช่ความคิดที่ทำให้คุณเกิดความเครียดนักจิตวิทยา Susan Newman กล่าวว่าไม่มีอะไรช่วยลดความเครียดได้ดีกว่าการอยู่กับผองเพื่อนอีกแล้ว ส่วนแพทย์หญิง Stephanie Sarkis ก็เลือกที่จะหันหน้าเข้าหา การเล่นกีฬา โยคะ หรือการพักผ่อนและนอนหลับ

:p หากใครลองวิธีไหนแล้วได้ผลเป็นยังไง ก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณ